ของป่า

สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ มุ่งเน้นศึกษาวิจัย เพื่อการจัดการผลผลิตจากป่าที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ
มีศักยภาพในการพัฒนาและมีความสำคัญต่อชีวิตประชาชน โดยได้มีการจำแนกชนิดของ “ของป่า” ตามลักษณะของ “ของป่า” ออกเป็น 9 กลุ่ม ดังนี้ 

  1. หวาย
  2. ไผ่
  3. ชันและยาง
  4. สมุนไพรและเครื่องเทศ
  5. พืชอาหาร
  6. แมลงอุตสาหกรรมและแมลงกินได้
  7. ไม้หอม
  8. เปลือกไม้
  9. แทนนินและสีธรรมชาติ

นอกจากนี้ยังมีของป่าชนิดอื่น ๆ อีกหลายชนิดในประเทศไทย เช่น กก ลาน ตองกง กล้วยไม้ป่า และผลิตผลจากสัตว์ต่าง ๆ (เขาสัตว์ มูลสัตว์ รังนก ขี้ผึ้ง ฯลฯ) เป็นต้น

ทั้งนี้ ของป่ายังสามารถแบ่งประเภทตามรูปชีวิตของป่า (Life Form) ได้เป็น 3 กลุ่ม
1) กลุ่มพืช (plants) เช่น ไม้ยืนต้น (tree) ไม่พุ่ม (shrub) ปาล์ม (palm) หวาย (rattan) สมุนไพร (herb) ไผ่ (bamboo) ไม้เลื้อย (climber) และพืชอิงอาศัย (epiphyte)
2) กลุ่มสัตว์ (animals) เช่น สัตว์ชนาดใหญ่ทั่วไป หนู แมลง ปลา นก และค้างคาว เป็นต้น
3) กลุ่มเห็ดรา (fungus) เช่น เห็ดระโงก และเห็ดเผาะ เป็นต้น

บทบาทที่สำคัญของ “ของป่า”

  1. เพื่อใช้เป็นอาหารพื้นบ้าน
  2. เพื่อประโยชน์การใช้สอยในครัวเรือนในชีวิตประจำวัน
  3. เพิ่มรายได้ให้แก่ครัวเรือนในระดับท้องถิ่น
  4. ก่อให้เกิดการสร้างงาน ในด้านการเก็บหา การผลิต และการขนส่ง
  5. สินค้าจากของป่าบางชนิดได้พัฒนาเป็นสินค้าส่งออกระดับนานาชาติ ซึ่งทำรายได้ให้กับประเทศ
  6. ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หากมีการจัดการอย่างถูกต้อง

เอกสารอ้างอิง

วนิดา สุบรรณเสนี. 2539. ของป่าในประเทศไทย. สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้ กรุงเทพฯ. 

สำนักกฎหมาย. 2563. กฎหมายว่าด้วยการป่าไม้. กรมป่าไม้ กรุงเทพฯ.

สํานักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช. 2563. คู่มือ การสํารวจของป่า. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. กรุงเทพฯ