ถาม - ตอบ

คำตอบ ของป่า หมายถึง ผลิตผลที่ได้จากป่าทุกชนิดยกเว้นไม้ (ไม้ในที่นี้ หมายถึง ผลิตภัณฑ์เนื้อไม้ที่ได้
จากต้นไม้โดยตรง เช่น ไม้ซุง ไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์ไม้ต่าง ๆ เท่านั้น คำว่าไม้ อาจเกิดความสับสนกับคำจำกัดความของของป่าตามกฎหมายป่าไม้) เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศในเขตร้อน มีความหลากหลายทางชีวภาพของของป่า จึงมีการรวบรวมของป่าเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะของของป่านั้น ๆ โดยได้จำแนกของป่าออกเป็น
9 กลุ่ม ดังนี้

  1. หวาย (Rattans)
  2. ไผ่ (Bamboos)
  3. ชันและยาง (Gum and Resin)
  4. สมุนไพรและเครื่องเทศ (Herbs and Medicinal Plants and Spices)
  5. พืชอาหาร (Edible Plants)
  6. แมลงอุตสาหกรรม และแมลงกินได้ (Industrial and Edible Insects)
  7. ไม้หอม (Scented Wood)
  8. เปลือกไม้ (Barks)
  9. แทนนิน และสีธรรมชาติ (Tannin and Natural Dye)

คำตอบ

  1.     ใช้เป็นอาหารพื้นบ้าน
  2.     เพื่อประโยชน์การใช้สอยในครัวเรือนในชีวิตประจำวัน
  3.     เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัวในระดับท้องถิ่น
  4.     ก่อให้เกิดการสร้างงานในด้านการเก็บหา การผลิต และการขนส่ง
  5.     สินค้าบางชนิดสามารถพัฒนาเป็นสินค้าส่งออก สร้างรายได้ให้แก่ประเทศได้
  6.     ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หากมีการจัดการอย่างถูกต้อง

คำตอบ “ของป่า” หมายความว่า บรรดาของที่เกิดหรือมีขึ้นในป่าตามธรรมชาติ คือ 

ก. ไม้ รวมทั้งส่วนต่าง ๆ ของไม้ ถ่านไม้ น้ำมันไม้ ยางไม้ ตลอดจนสิ่งอื่น ๆ ที่เกิดจากไม้ 

ข. พืชต่าง ๆ ตลอดจนสิ่งอื่น ๆ ที่เกิดจากพืชนั้น 

ค. รังนก ครั่ง รวงผึ้ง น้ำผึ้ง ขี้ผึ้ง และมูลค้างคาว

ง. หินที่ไม่ใช่แร่ตามกฎหมายว่าด้วยแร่ และหมายความรวมถึงถ่านไม้ที่บุคคลทำขึ้นด้วย

คำตอบ “ของป่า” หมายความว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหรือมีอยู่ในป่า เป็นต้นว่า

(๑) ไม้ฟืน ถ่าน เปลือกไม้ ใบไม้ ดอกไม้ เมล็ด ผลไม้ หน่อไม้ ชันไม้ และยางไม้

(๒) หญ้า อ้อ พง แขม ปรือ คา กก กระจูด กล้วยไม้ กูด เห็ด และพืชอื่น

(๓) ซากสัตว์ ไข่ หนัง เขา นอ งา กราม ขนาย กระดูก ขน รังนก ครั่ง รังผึ้ง น้ำผึ้งและมูลค้างคาว

(๔) ดิน หิน กรวด ทราย แร่และน้ำมัน

คำตอบ ของป่าหวงห้ามตามบัญชีแนบท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดของป่าหวงห้าม พ.ศ. ๒๕๓๐
มีทั้งหมด ๑๘ ชนิด ได้แก่

๑. กล้วยไม้ป่าทุกชนิด

๒. จันทน์แดง จันทน์ผา (Dracaena cochinchinensis Lour.)

๓. ชันทุกชนิด

๔. ชิ้นไม้กฤษณา และกฤษณา

๕. ชิ้นไม้จันทน์หอม

๖. ฝาง ง้าย (Caesalpinia sappan L.)

๗. ถ่านไม้ทุกชนิด

๘. น้ำมันยาง

๙. ใบลาน

๑๐. เปลือกไม้ของไม้ต่อไปนี้

(๑) ก่อ มะก่อ กอ ค้อ (Castanopsis spp., Lithocarpus spp. & Quercus spp.) 

(๒) กัดลิ้น ขี้อาย มะเฟืองป่า แก้วสาร ลําไยป่า พญาไก่เถื่อน (Walsura spp.)

(๓) ตะเคียนทอง ตะเคียนใหญ่ เคียน แคน (Hopea spp.)

(๔) เคี่ยม (Cotylelobium lanceolatum)

(๕) บง ยางบง หมี่ ไก๋ (Persea spp.)

(๖) หมีเหม็น อีเหม็น (Litsea spp.)

(๗) พะยอม ยอม ขะยอม พะยอมดง (Shorea spp.)

(๘) มะหาด หาด หาดหนุน หาดส้าน (Artocarpus spp.)

(๙) สีเสียดเปลือก ทองสุก หนามหิน เลือดนก (Pentace spp.)

(๑๐) อบเชย เทพทาโร จวง จวงหอม การบูรต้น ข่าต้น ตะไคร้ต้น พลูต้น สมุลแว้ง ฮางแกง ฮังไก๊ เชียด กะเชียด กะดารา มหาปราบ (Cinnamomum spp.) 

๑๑. เฟิร์นกระเช้าสีดา ชายผ้าสีดา และห่อข้าวสีดา (Platycerium spp.) 

๑๒. ยางขนุนนก

๑๓. ยางเยลูตง 

๑๔. ยางรัก

๑๕. ยางสน 

๑๖. รากเฟิร์นออสมันดา 

๑๗. ลำต้นและรากเฟิร์นต้น 

๑๘. หวายทุกชนิด

คำตอบ ตามมาตรา 29 ในพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ผู้ใดเก็บหาของป่าหวงห้ามหรือทำอันตรายด้วยประการใด ๆ แก่ของป่าหวงห้ามในป่า ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และต้องเสียค่าภาคหลวง กับทั้งต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงหรือในการอนุญาต 

    การอนุญาตนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีแล้ว จะอนุญาตให้ผูกขาดโดยให้ผู้รับอนุญาตเสียเงินค่าผูกขาดให้แก่รัฐบาลตามจำนวนที่รัฐมนตรีกำหนดก็ได้ 

    การอนุญาตโดยวิธีผูกขาด ให้กระทำได้เฉพาะในกรณีที่ของป่าหวงห้ามเป็นของมีค่าหรือหายาก
หรือเฉพาะในเขตป่าที่ห่างไกลและกันดาร หรือมีความจำเป็นในวิธีการเก็บหาอันจำต้องให้อนุญาต
โดยวิธีผูกขาด

คำตอบ ของป่าหวงห้าม สามารถมีไว้ครอบครองได้ แต่ต้องไม่เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนดตามบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดปริมาณของป่าหวงห้ามที่ให้ค้า หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้า หรือมีไว้ในครัวเรือนเพื่อใช้สอยในครัวเรือนแห่งตนได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ (ประกาศฉบับลงวันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๑)

ลำดับที่

ของป่าหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนด
ของป่าหวงห้าม พ.ศ. ๒๕๓๐

ปริมาณที่ให้มีไว้ในครอบครอง
เพื่อใช้สอยในครัวเรือนแห่งตน

กล้วยไม้ป่าทุกชนิด

               ๒๐ ต้น

จันทน์แดง จันทน์ผา (Dracaena cochinchinensis Lour.)

                 ๑ กิโลกรัม

ชันทุกชนิด

               ๓๐ กิโลกรัม

ชิ้นไม้กฤษณา และกฤษณา

              ๐.๕ กิโลกรัม

ชิ้นไม้จันทน์หอม

                 ๑ กิโลกรัม

ฝาง ง้าย (Caesalpinia sappan L.)

                 ๓ กิโลกรัม

ถ่านไม้ทุกชนิด

 ๑๓๐ กิโลกรัม

น้ำมันยาง

               ๒๐ ลิตร

ใบลาน

             ๑๐๐ ใบ

๑๐

เปลือกไม้ของไม้ต่อไปนี้

 
 

(๑) ก่อ มะก่อ กอ ค้อ (Castanopsis spp., Lithocarpus spp.
& Quercus spp.)

               ๑๐ กิโลกรัม

 

(๒) กัดลิ้น ขี้อาย มะเฟืองป่า แก้วสาร ลําไยป่า พญาไก่เถื่อน (Walsura spp.)

               ๓๐ กิโลกรัม

 

(๓) ตะเคียนทอง ตะเคียนใหญ่ เคียน แคน (Hopea spp.)

               ๓๐ กิโลกรัม

 

(๔) เคี่ยม (Cotylelobium lanceolatum)

               ๓๐ กิโลกรัม

 

(๕) บง ยางบง หมี่ ไก๋ (Persea spp.)

(๖) หมีเหม็น อีเหม็น (Litsea spp.)

(๗) พะยอม ยอม ขะยอม พะยอมดง (Shorea spp.)

(๘) มะหาด หาด หาดหนุน หาดส้าน (Artocarpus spp.)

(๙) สีเสียดเปลือก ทองสุก หนามหิน เลือดนก 

(Pentace spp.)

               ๑๐ กิโลกรัม

               ๑๐ กิโลกรัม

               ๓๐ กิโลกรัม

               ๓๐ กิโลกรัม

  ๑๐ กิโลกรัม

 

(๑๐) อบเชย เทพทาโร จวง จวงหอม การบูรต้น ข่าต้น
ตะไคร้ต้น พลูต้น สมุลแว้ง ฮางแกง ฮังไก๊ เชียด กะเชียด
กะดารา มหาปราบ (Cinnamomum spp.)

               ๑๐ กิโลกรัม

๑๑

เฟิร์นกระเช้าสีดา ชายผ้าสีดา และห่อข้าวสีดา
(Platycerium spp.)

               ๑๐ ต้น

๑๒

ยางขนุนนก

               ๑๐ กิโลกรัม

๑๓

ยางเยลูตง

               ๑๐ กิโลกรัม

๑๔

ยางรัก

               ๑๐ กิโลกรัม

๑๕

ยางสน

               ๑๐ กิโลกรัม

๑๖

รากเฟิร์นออสมันดา

                 ๕ กิโลกรัม

๑๗

ลำต้นและรากเฟิร์นต้น

                 ๕ กิโลกรัม

๑๘

หวายทุกชนิด

               ๑๐ กิโลกรัม

 

 

 

คำตอบ พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔

มาตรา ๒๙ ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดค้าหรือมีไว้ครอบครอง ซึ่งของป่าหวงห้ามเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด
ในกฎกระทรวงและในการอนุญาต

มาตรา ๓๙ ผู้ใดนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ ต้องมีใบเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วย
ตามข้อกำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๔๐ ผู้ใดนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่เข้าเขตด่านป่าไม้ ต้องแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำ
ด่านป่าไม้นั้นโดยแสดงใบเบิกทางกำกับไม้หรือของป่า หรือหนังสือกำกับไม้แปรรูปที่นำมานั้น แล้วแต่กรณี
ภายในกำหนดห้าวันนับจากวันที่เข้าเขตด่าน เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและอนุญาตเป็นหนังสือ
ให้ผ่านด่านได้แล้ว จึงให้นำไม้หรือของป่านั้นไปได้

มาตรา ๗๑ ทวิ ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๙ มาตรา ๒๙ ทวิ มาตรา ๓๙ มาตรา ๓๙ ตรี
มาตรา ๔๐ วรรคหนึ่ง มาตรา ๔๓ วรรคสอง หรือมาตรา ๕๓ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

คำตอบ แมลงครั่ง เป็นพวกเพลี้ยชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Laccifer lacca Kerr. Synonyms
เช่น Tachardia lacca, Kerria lacca อยู่ในวงศ์ LACCIFERIDAE เป็นแมลงตัวเบียนของต้นไม้โดยอาศัยเกาะกิน
น้ำเลี้ยงของต้นไม้ จึงนับว่าเป็นศัตรูของชนิดไม้ที่ใช้เลี้ยงครั่ง แมลงครั่งใช้ปากซึ่งเป็นงวงดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นไม้ เพื่อใช้เลี้ยงชีวิตและระบายยางครั่งซึ่งมีลักษณะเหนียว สีเหลืองทอง ออกมาเป็นเกราะหุ้มตัวเพื่อป้องกันอันตราย
จากศัตรูต่าง ๆ ยางนี้เมื่อถูกอากาศแล้วจะแข็งตัว เรียกว่า “ครั่ง” ครั่งที่นำมากะเทาะออกจากกิ่งไม้แล้ว เรียกว่า
ครั่งดิบ ซึ่งมีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ เรซิ่น ขี้ผึ้ง สี ซากตัวครั่ง และสารอื่น ๆ ส่วนครั่งที่นำไปใช้ประโยชน์ทางด้านอุตสาหกรรม คือ ครั่งเม็ดและสีครั่ง ซึ่งได้จากการล้างครั่งดิบ

คำตอบ ชนิดไม้ที่เหมาะสมกับการเพาะเลี้ยงครั่ง เรียงลำดับตามการให้ผลิตผลครั่ง

ชนิดไม้ที่เลี้ยงครั่งได้ผลิตผลดี

  1. ต้นก้ามปู Albizia Saman (Jacq.) Merr.
  2. ต้นพุทรา Zizyphus jujuba Mill.
  3. ต้นปันแถ Albizia lucidior
  4. ต้นสะแกนา Combretum quadrangulare Kurz.
  5. ต้นมะแฮะนก Flemingia lineata (L.) Roxb.
  6. ต้นสีเสียดออสเตรเลีย Acacia decurrens willd.

ชนิดไม้ที่เลี้ยงครั่งได้ผลิตผลปานกลาง

  1. ต้นไฮหมี่ Ficus drupacea Thunb.
  2. ต้นมะเดื่ออุทุมพร Ficus racemosa Linn.
  3. ต้นไทร Ficus annulata Blume.

ชนิดไม้ที่เลี้ยงครั่งได้ผลิตผลพอใช้

  1. ต้นรัง Shorea siamensis Miq.
  2. ต้นเปล้า Croton kerrii Airy Shaw
  3. ต้นพะยอม Shorea roxburghii G. Don
  4. .ต้นกระถินณรงค์ Acacia auriculiformis A. Cunn.
  5. ต้นเลียงผึ้ง Ficus albipila (Miq.) King
  6. ต้นคาง Albizia lebbekoides (DC.) Benth.
  7. ต้นถั่วแระ Cajanus cajan (L.) Millsp.

     8. ต้นถ่อน Albizia procera (Roxb.) Benth.

คำตอบ การทำครั่งเม็ด สามารถดำเนินการดังนี้

  1. กะเทาะครั่งดิบที่ติดกับกิ่งไม้ออก นำไปผึ่งให้แห้งแล้วนำไปบดด้วยเครื่องบด
    หรือตำให้มีขนาดเล็ก
  2. นำครั่งดิบที่บดแล้วใส่ในภาชนะ และเติมน้ำลงไป โดยให้ระดับน้ำสูงกว่าครั่งดิบที่อยู่ในภาชนะประมาณ 1 เท่า สีจากครั่งดิบที่อยู่ในภาชนะจะละลายกับน้ำให้สีม่วงแดง 
  3. ทำการล้างครั่งดิบด้วยน้ำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง จนกระทั่งน้ำที่ล้างมีสีใส โดยระยะเวลาและจำนวนครั้งที่ล้างนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณครั่งดิบ 

     4. นำครั่งดิบที่ผ่านการล้างแล้วไปผึ่งในที่ร่มให้แห้ง จะได้ครั่งเม็ดที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ได้

คำตอบ สีครั่ง (Lac dye) คือ การแยกสีออกจากน้ำล้างครั่งที่ได้จากขั้นตอนการทำครั่งดิบเป็นครั่งเม็ด
นำน้ำล้างครั่งที่ได้ทั้งหมดไปเคี่ยวในภาชนะที่ทำจากกระเบื้องโดยให้ความร้อนจนแห้งและนำมาบดเป็นผง
เมื่อต้องการใช้สามารถนำไปละลายน้ำได้ ให้สีม่วงแดง และปรับความเข้มของสีได้ตามต้องการ

คำตอบ ย้อมผ้า ย้อมขนสัตว์ 

      ผสมทำเครื่องสำอาง เช่น ลิปสติก สบู่ เป็นต้น

      ผสมอาหารและขนม 

      ผสมทำสียาหม่อง และใช้ผสมทำยารักษาโรคโลหิตจาง เป็นต้น

คำตอบ สารที่ไหลออกจากลำต้นของพืช ถ้ามีลักษณะแข็ง จะเรียกว่า “ชัน” แต่หากมีลักษณะเหลว เหนียวข้น เรียกว่า “ยาง” ซึ่งสีของชันและยางจะมีลักษณะแตกต่างกันตามชนิดพันธุ์ไม้

คำตอบ การเจาะหายางสน ควรเลือกไม้สนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป มีขนาดความโตที่ระดับความสูง 1.30 เมตร  ประมาณ 120 เซนติเมตร การเจาะกรีดยางสนเริ่มจากแกะเปลือกแห้งชั้นนอก และเปลือกชั้นในออก จากนั้น
ใช้มีดสำหรับกรีดเจาะทำเป็นพิเศษ กรีดเซาะร่องเปลือกชั้นในหรือเปลือกสดให้เกิดแผล และติดตั้งภาชนะรองรับยางสนด้านล่าง แล้วทิ้งไว้ ยางสนจากรอยแผลจะไหลตามรอยกรีดยางสนจะไหลออกมาเรื่อย ๆ ประมาณ 3 – 7 วัน จึงเก็บยางสน จากนั้นทำการกรีดแผลซ้ำไปด้านบนประมาณ 2 – 3 มิลลิเมตร เพื่อเก็บยางสนครั้งต่อไป

คำตอบ การเก็บหารวงผึ้งหรือรังผึ้ง ผู้รับอนุญาตต้องปฏิบัติดังนี้

        ๑. ไม่ใช้ไฟเผาต้นไม้ที่มีผึ้งจับทำรังอยู่ แต่ยอมให้ใช้ควันรมได้

        ๒. ต้นไม้ที่มีผึ้งจับทำรังอยู่แต่เพียงรังเดียว ต้องงดเว้นเก็บหารวงผึ้งรังนั้น

         ๓. ต้นไม้ที่มีผึ้งจับทำรังอยู่เกินหนึ่งรัง ต้องให้เหลือรังผึ้งไว้เป็นพันธุ์อย่างน้อยหนึ่งรัง ในกรณีที่ต้นไม้นั้นมีผึ้งจับทำรังอยู่เกินยี่สิบรัง ให้เหลือรังผึ้งไว้เป็นพันธุ์ในอัตราหนึ่งรังต่อทุกจำนวนยี่สิบรัง หรือเศษของยี่สิบรัง 

คำตอบ การสร้างสารกฤษณาเป็นกระบวนการรักษาบาดแผลของไม้กฤษณา ไม่ว่าจะเป็นแผลเกิดจากแมลง  ขุดเจาะหรือเกิดจากสาเหตุใด ๆ ก็ตามที่ทำให้เกิดแผลขึ้น ต้นกฤษณาจะสร้างสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับ
การสร้างสารกฤษณามาสะสมที่บาดแผล เมื่อผ่านไปเป็นระยะเวลานานจะมีการสะสมสารกฤษณามากขึ้น จนเป็น
สีน้ำตาลเข้มเกือบดำในระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี สารกฤษณาที่เป็นสีดำจัดว่าเป็นสารกฤษณาเกรดดี กลิ่นหอม
มีคุณภาพสูง

คำตอบ ฝ่ายพัฒนาของป่า ส่วนวิจัยและพัฒนาการใช้ประโยชน์ป่าไม้ สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้ 

61 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

โทร. 0 2561 4292-3 ต่อ 5489, 5477, 5495

โทรสาร 0 2579 9177

Email : [email protected] หรือ [email protected]

ข้อมูล ณ วันที่  5  มีนาคม ๒๕๖๗